Wednesday, August 05, 2009

สันดานหนึ่งที่ได้มาเพราะแม่

ในโอกาสเดือนวันแม่ ผู้เขียนนึกถึงเหตุการณ์หนึ่ง ประมาณตอนอยู่ชั้น ป.๑ ตอนเช้าช่วงไปโรงเรียน แม่ให้เงินผู้เขียนไว้สิบบาท นอกเหนือจากเงินค่าขนมประจำวัน และสั่งให้นำเงินจำนวนนี้มาให้คุณย่าตอนกลับจากโรงเรียน เพื่อซื้อของอย่างหนึ่งที่แม่ควรจะซื้อแต่ไม่มีเวลาไปซื้อ ผู้เขียนได้รับเงินนั้นจากแม่ต่อหน้าน้อง

เมื่อแม่ไปทำงานแล้ว และผู้เขียนกับน้องเดินไปโรงเรียน ผู้เขียนบอกน้องว่าไม่ต้องเอาเงินนั้นไปให้คุณย่าหรอก แต่น่าจะนำมันมาซื้อขนมกินให้หมด ถ้าน้องไม่บอกคุณย่า คุณย่าก็ไม่รู้ ช่วงบ่ายวันนั้นเมื่อโรงเรียนเลิก ผู้เขียนพาน้องไปซื้อขนมโดยใช้เงินจำนวนนั้นจนหมดและพาน้องกลับบ้าน ด้วยความมั่นใจว่าน้องจะไม่เล่าสิ่งที่ผู้เขียนชักจูงและกระทำ ตอนเย็นเมื่อแม่กลับมาบ้าน ทุกอย่างถูกเปิดเผย น้องบอกสิ่งที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง คุณย่าไม่ดุ แม่ตีผู้เขียนจนเนื้อแดงเป็นรอยโดยไม่ลงโทษน้อง และดุว่าตลอดเวลาที่ตีอย่างแรงแบบไม่ใส่ใจต่อเสียงหวีดร้องของผู้เขียน

ผู้เขียนเรียนรู้ว่าตนเองทำผิด และจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฝังหัวนับแต่วันนั้น โดยไม่เคยรู้สึกว่าแม่ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะแม่ไม่เคยหาเรื่องเฆี่ยนตีผู้เขียน การโดนตีแต่ละครั้งเป็นเรื่องใหญ่ที่มีเหตุผลชัดในตัวว่าแม่ต้องการดัดสันดานอะไรให้ผู้เขียน นับแต่เหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนเกรงกลัวการทำความประพฤติแบบนั้น และตระหนักว่ามันส่งผลให้ตนเองมีมุมมองเกี่ยวกับเงินว่ามันคือวัตถุสมมุติที่มีอันตรายมหาศาล และมันจะเป็นสิ่งบ่อนทำลายชีวิตของผู้เขียนอย่างแน่นอน หากไม่ถูกแม่ดัดสันดานไว้เช่นนั้น

สำหรับผู้เขียน การใช้เงินทำลายชีวิตของผู้คนคือกรรมหนักอย่างหนึ่ง ขอย้ำอีกว่าผู้เขียนเชื่อเรื่องกรรม และเติบโตมากับหนังทีวีชุดกฎแห่งกรรม หากสังคมใช้เรื่องกฎแห่งกรรมกล่อมเกลาคนมากๆ ในลักษณะสิ่งมอมเมาหลักของสังคม ให้บ้าเรื่องกรรมกันเป็นแฟชั่นไปเลยก็จะดีมาก จะทำอะไรก็ให้นึกถึงกรรมนั้นกรรมนี้ ตรวจกรรมกันทุกวันแบบการกินข้าว ใครก่อกรรมใดไว้ กรรมนั้นย่อมสนอง ผู้เขียนเคยทำกรรมร้ายไว้ในชีวิตนี้ และกรรมเหล่านั้นสนองตนเองแล้วอย่างรู้ได้ด้วยตนเอง ยิ่งทำความเดือดร้อนวุ่นวายพินาศให้คนอื่นมากเท่าใด ขีดขั้นความรุนแรงของกรรมก็จะสนองมากเท่านั้น หรือมากกว่านั้น

0 Comments:

Post a Comment

<< Home