Friday, October 31, 2008

พลังใจที่ยังพอสร้างได้บ้างในกรุงเทพฯ เมืองแห่งมลพิษและท้องถนนที่สุดอันตราย

ด้วยผลจากการได้งานพิเศษทำ และการได้รับทุนการศึกษาประจำปีการศึกษานี้ ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ผู้เขียนจึงมีโอกาสเดินทางไปทัศนศึกษายังต่างแดนด้วยงบแบบประหยัดและคุ้มค่ามากในระยะเวลาหลายวัน รวมทั้งมีโอกาสขยายขอบข่ายเรื่องการศึกษาในขอบข่ายเล็กๆ ไปด้วยในตัว ดินแดนที่ผู้เขียนไปทัศนศึกษามีสภาพชีวิตที่มีคุณภาพมากกว่าในกรุงเทพฯ และตระหนักได้ว่าดินแดนนั้นให้ความสำคัญมากแก่การใช้ชีวิตของคนพิการบนท้องถนน รวมทั้งการมีระบบที่ฝึกให้ผู้คนรักษาระเบียบขั้นพื้นฐาน เช่นการเข้าแถวขึ้นรถประจำทางแบบมีสิ่งควบคุม และมีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ตรงเวลา ไม่ทำลายสุขภาพจิตของผู้คน และไม่ทำลายเศรษฐกิจอย่างวินาศเช่นในกรุงเทพฯ

เมื่อผู้เขียนกลับมายังกรุงเทพฯ ก็เกิดความทดท้อต่อชะตากรรมของตัวเอง ที่ต้องทนทั้งมลพิษอันหนักหนา และสภาพอันตรายบนท้องถนนต่อไป

อีกไม่กี่วันต่อมา ผู้เขียนแวะไปดูหนังควบที่โรงหนังธนบุรีรามา โรงหนังชั้นสองซึ่งเป็นโรงประเภทที่ผู้เขียนคุ้นเคยอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก และขณะนี้มีเหลือให้ดูอยู่ไม่กี่โรงแล้วในกรุงเทพฯ ผู้เขียนเคยเข้าโรงธนบุรีรามามาแล้ว หากเทียบกับเมื่อตอนห้าปีก่อนหน้านี้ สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือราคาค่าตั๋ว ยังคงราคาที่ ๔๐ บาท ชั้นสองของโรงยังเปิดให้บริการในวันที่มีคนเยอะ สำหรับวันธรรมดาคนน้อย เปิดบริการแต่ชั้นล่าง และเมื่อซื้อตั๋วหนึ่งที่ก็ยังคงได้รับลูกอมอย่างน้อยสองเม็ด และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ภาพที่ฉายบนจอมีคุณภาพดี ไม่สว่างมากเหมือนเมื่อห้าปีก่อน เสียงที่ออกมาก็น่าพอใจสำหรับระบบโรงที่เป็นอยู่ มีเครื่องปรับอากาศเป็นตู้ใหญ่ตั้งให้ความเย็นโดยไม่รู้สึกอ้าว เบาะที่นั่งตรงชั้นล่าง สังเกตดูด้วยตาแล้วมีสภาพดีเป็นส่วนใหญ่ ความสว่างในโรงก็พอเหมาะ ไม่ดูมืดทึมอันตราย ห้องน้ำชั้นล่างสังเกตว่ามีการปรับปรุงและแสดงการรักษาความสะอาด ป้ายบอกเวลาฉายของหนังในโปรแกรมตรงหน้าโรงชัดเจน

และเมื่อได้ดูหนังเรื่องหนึ่งในโปรแกรมวันนั้น ซึ่งเป็นหนังต่างประเทศ พล็อตหนังเรื่องนี้ก็คล้ายกับหนังหลายเรื่อง แต่ด้วยความที่หนังทำได้สนุก ก็เลยเกิดความรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่หนังนำเสนอ ตอนท้ายหนังเรื่องนี้กำหนดให้มนุษย์ช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน ไว้ชีวิตมนุษย์ด้วยกัน สละชีวิตให้มนุษย์ด้วยกันเป็นการตอบแทนการได้รับการไว้ชีวิตจากมนุษย์ โดยเลือกไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของสิ่งจักรกลที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าอย่างมหาศาล และที่สุดมนุษย์ที่พยายามช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างรอดพ้นอันตราย ซึ่งเมื่อเทียบกับสภาวะสังคมตอนนี้และอีกหลายตอน และคงอีกหลายยุค หรืออาจเป็นทุกยุค เครื่องจักรกลฉิบหายที่ทรงพลังอำนาจอย่างคาดคะเนไม่ได้เลยตามความคิดของผู้เขียนก็คือเงิน

ความประทับใจต่อการพัฒนาตัวของโรงหนังชั้นสองโรงนี้ เพื่อทำให้คนดูหย่อนใจในราคาที่ยังถูกดังเดิม และต่อเนื้อหาของหนังดังที่บอกไป ซึ่งเล็งเห็นได้ว่าได้รับการจัดฉายอย่างปราณีตเท่าที่คุณภาพของโรงหนังชั้นสองจะนำเสนอแก่คนดูได้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าได้สัมผัสพื้นที่นอกบ้านที่ยังพอช่วยให้พลังใจได้บ้างในการดำรงชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไป

0 Comments:

Post a Comment

<< Home