Thursday, July 03, 2008

รางวัลเกียรติคุณทางการแสดง ครั้งที่ ๕ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๐

โดย กลุ่มผู้มีคุณวุฒิฯ ทางการแสดง

สนับสนุนโดยหอภาพยนตร์แห่งชาติ กรมศิลปากร และศูนย์วรรณคดีศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เชิญชมรายชื่อนักแสดงดีเด่นสาขาต่างๆ และทีมนักแสดงดีเด่น รวมถึงนักแสดงผู้ได้รับเกียรติคุณสดุดี ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้ที่ www.thaifilm.com ใน Forum หมายเลขกระทู้ D 308 และที่ www.deknang.com

ขอขอบคุณสื่อทั้งสองเป็นอย่างยิ่งไว้ ณ ที่นี้ รวมทั้งสื่อต่างๆ ที่จะให้การเผยแพร่ต่อไป และขออภัยทางรายการแซทแอนด์ซัน ที่ผู้เขียนจำเป็นต้องประกาศรายชื่อฯ ด้วยตัวเองในค่ำวันที่ ๒๙ มิ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากหากรอการประกาศในรายการประจำสัปดาห์ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป ก็จะเลยกำหนดอันสมควรในระยะเวลาหนึ่งเดือน ตามที่ผู้เขียนเคยแจ้งท่านผู้ชมไว้ในที่นี้

สำหรับงานประกาศผลการตัดสินนักแสดงยอดเยี่ยม และทีมนักแสดงยอดเยี่ยม คาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ โดยจะแจ้งรายละเอียดให้ท่านทราบในโอกาสต่อไป

ขอขอบคุณผู้ชมทุกท่านสำหรับกำลังใจ และการติดตามกิจกรรมรางวัลเกียรติคุณทางการแสดงด้วยดีตลอดมา

Wednesday, July 02, 2008

ฟื้นฟู-ทบทวนภาษาเยอรมันเบื้องต้น (ครั้งที่ ๑๑)

เฉลยการบอกเวลา โดยใช้บุพบท nach หรือ vor

- Wie spa[..]t ist es? Es ist 6 Uhr. / Es ist sechs Uhr.
- Wieviel Uhr ist es? Es ist 6.02. / Es ist zwei Minuten nach sechs.
- Wie spa[..]t ist es? Es ist 6.15. / Es ist Viertel nach sechs.
- Wieviel Uhr ist es? Es ist 6.22. / Es ist zweiundzwanzig Minuten nach sechs.
- Wie spa[..]t ist es? Es ist 6.30. / Es ist halb sieben.
- Entschuldigen Sie, bitte! Wieviel Uhr ist es? Es ist 6.44. / Es ist sechzehn Minuten vor sieben.
- Entschuldigen Sie, bitte! Wie spa[..]t ist es? Es ist 6.45. / Es ist Viertel vor sieben.
- Wieviel Uhr ist es? Es ist 6.50. / Es ist zehn (Minuten) vor sieben.
- Entschuldigung! Wie spa[..]t ist es? Es ist 6.56. / Es ist vier Minuten vor sieben.
- Entschuldigung! Wieviel Uhr ist es? Es ist 7 Uhr. / Es ist sieben Uhr.


ทบทวนการผันคำกริยา

heissen ความหมายคือ to name, call {transitive (intransitive)}

INDICATIVE
Present
ich heisse
du heisst
er/sie/es heisst
wir heissen
ihr heisst
Sie/sie heissen
Imperfect
Ich hiess
du hiessest
er/sie/es hiess
wir hiessen
ihr hiesst
Sie/sie hiessen


PARTICIPLES
heissend
geheissen

ขอขอบคุณและร่วมให้กำลังใจกลุ่มผู้คัดค้านการขึ้นราคาค่ารถโดยสารประจำทาง

ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นผู้โดยสารรถประจำทางเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน ขอขอบคุณและร่วมมอบกำลังใจแด่กลุ่มผู้คัดค้านการขึ้นราคาค่ารถโดยสารประจำทาง ซึ่งดำเนินการตามหลักเกณฑ์และนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่เหล่าผู้โดยสาร จนส่งผลต่อการระงับการขึ้นราคาค่ารถเมล์ หลังจากมีการปรับขึ้นราคาครั้งล่าสุดในช่วงสั้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา

จากประสบการณ์การโดยสารรถเมล์ ผู้เขียนเห็นว่าผู้โดยสารจำนวนมากประสบความเดือดร้อนหลายทาง การขึ้นราคาค่าโดยสารที่ปรับไปตามยุคและสภาพเศรษฐกิจ คือสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้และจำต้องยอมรับอยู่แล้ว และจากข้อมูลที่กลุ่มผู้คัดค้านฯ นำเสนอผ่านสื่อ ทำให้เชื่อว่าผู้รับภาระในท้ายที่สุดอย่างไม่สมควรก็คือบรรดาผู้โดยสาร สิ่งที่น่าเห็นใจอย่างยิ่งสำหรับผู้โดยสารผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจแย่ คือจำนวนรถเมล์ร้อนที่วิ่งน้อยลงในแต่ละวัน ในรถเมล์สายที่มีทั้งรถแบบปรับอากาศและรถร้อน รถปรับอากาศจะมีจำนวนมากกว่า คนบางคนต้องรอรถเมล์ร้อนอยู่นานเป็นชั่วโมง เพราะไม่มีเงินพอจ่ายค่าโดยสารรถแอร์ มีหลายครั้งที่ผู้เขียนเห็นเด็กในวัยชั้นประถมหลายคน ท่าทางไม่ค่อยมีเงินมากนัก โดยสารรถแอร์โดยยอมโดนพนักงานเก็บค่าโดยสารดุว่า เนื่องจากไม่มีเงินพอจ่ายค่ารถ หรือมีจ่ายแค่เพียงบางคน คนที่ขึ้นตามเพื่อนมาก็ต้องโดนว่าไป นับว่ายังดีที่พนักงานเก็บค่าโดยสารที่ผู้เขียนเจอมาไม่แล้งน้ำใจ ถึงขนาดไล่เด็กเหล่านั้นลงจากรถ

สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกแย่ทุกครั้งเมื่อขึ้นรถเมล์ในปัจจุบัน ก็คือการจำต้องฟังรายการเพลงที่ปล่อยออกมาบนวิทยุรถเมล์แทบทุกคัน โดยปกติรายการเพลงทางสถานีวิทยุที่ออกอากาศบนรถเมล์นั้นคือสิ่งที่ผู้เขียนฟังได้อย่างสนใจ แต่การบังคับให้ผู้โดยสารทุกคนต้องฟังเพลงที่เปิดกรอกหู ไม่ว่าจะเป็นเพลงเพราะแค่ไหนในเวลาที่อยากฟัง ก็ถือเป็นสิ่งทำลายสุขภาพประสาทหูและสุขภาพจิตของผู้โดยสาร เนื่องจากระดับเสียงที่ไม่มีการควบคุมอย่างดีพอ นอกจากนี้สภาวะอารมณ์และจิตใจของผู้โดยสารทุกคน ก็ไม่จำเป็นจะต้องพร้อมอยากฟังเพลงทั้งหลายเมื่อขึ้นรถเมล์ สิ่งนี้นับว่าน่าจะส่งผลทำลายสมาธิและสภาวะจิตของคนทุกคนบนรถเมล์ได้ โดยเฉพาะผู้โดยสารรถเมล์ร้อน ผู้ต้องเผชิญกับสภาพเสียงสารพัด รวมถึงมลพิษและความแออัดของการจราจรในกรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว รวมทั้งคนขับรถเมล์จำนวนหนึ่งที่คงจำทนฟังรายการเพลงซึ่งต้องเปิดเสียงไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้ เสียงรายการเพลงที่เปิดตลอดเวลาบนรถเมล์ อาจไม่เอื้อต่อสวัสดิภาพของผู้โดยสารก็เป็นได้ หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายใดๆ ก็ตาม ในยามที่มีคนแน่นเต็มรถ การส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากคนขับรถหรือพนักงานเก็บสตางค์ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทั้งที่เคยมีกรณีที่ผู้โดยสารถูกล่วงเกินทางเพศโดยผู้โดยสารด้วยกันเองเกิดขึ้นแล้วบ่อยครั้ง

สำหรับการให้บริการของคนขับรถเมล์ส่วนใหญ่นั้น คงเป็นสิ่งน่าระอาจนเบื่อจะบ่นให้ปากมากไปกว่านี้ ถ้าต้องขึ้นรถเมล์ก็ต้องยอมเสี่ยงภัยอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งนับว่าไม่ควรเป็นเงื่อนไขที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยสำหรับผู้โดยสาร ส่วนคนขับผู้ให้บริการดีที่ผู้เขียนเจอมาก็มีอยู่บ้าง แต่นับว่าเป็นจำนวนน้อยกว่าคนขับที่ไม่ค่อยใส่ใจผู้โดยสาร สำหรับเรื่องนี้ก็ต้องทำใจ เพราะเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบไร้ความหวัง ว่าคนขับรถส่วนมากที่พบในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหน ก็ออกจะแล้งน้ำใจและเห็นแก่ตัว ผู้เขียนขอมองแบบซ้ำซากอีกใน พ.ศ. นี้ ว่าบริเวณท้องถนนในกรุงเทพฯ คือที่ที่มีความเสี่ยงอันตรายสูง และเป็นบริเวณที่บ่งบอกอย่างชัดเจนที่สุดถึงระดับจิตใจ และคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และไม่เห็นแนวโน้มว่าจะปรับไปในทางดี

น่าเศร้าใจที่มีการบังคับใช้กฎห้ามโทรศัพท์ขณะขับรถ โดยไม่เน้นความสำคัญและบังคับกฎเรื่องสวัสดิภาพของคนเดินถนนบริเวณตรงทางข้ามอย่างสมควร ทุกวันนี้ทางม้าลายส่วนใหญ่แทบไม่มีความหมายสำหรับคนเดินเท้า เพราะคนขับรถส่วนมากแสดงให้เห็นว่าตนเองมีสิทธิ์ในการใช้ถนนเหนือกว่าคนที่ไม่ได้อยู่บนรถ จนกลายเป็นชนชั้นทางการจราจรที่ถูกมองเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วตามมุมมองคนส่วนใหญ่ ส่วนคนเดินถนนที่อยากจะข้ามตรงไหนก็ข้ามนั้น ก็ช่างไม่คิดเลยว่าตนเองทำสิ่งมักง่ายทำนองเดียวกับการทิ้งขยะไม่เลือกที่ ซึ่งน่าจะส่งผลให้คนขับรถส่วนใหญ่ไม่ยอมรักษากฎการหยุดรถตรงทางม้าลายให้คนข้ามก่อนอย่างปลอดภัย สิ่งที่ผู้เขียนทำได้กับคนใกล้ตัวอย่างน้องๆ ก็คือการคอยพูดกรอกหูว่าอย่ามองคนเดินถนนเป็นเหมือนก้อนหินที่ไม่มีชีวิต หรือเป็นเหมือนหมาที่ต้องคอยวิ่งหลบรถอย่างเงอะงะจนหัวสั่นหัวคลอน โดยเฉพาะคนรอข้ามทางม้าลาย และคนเดินถนนตามฟุตปาธช่วงหน้าฝนที่มีน้ำเจิ่งนอง

ยกย่อง รศ. นพ. สภา ลิมพาณิชย์การ

ผู้เขียนถือว่าตนเองล้าหลังมาก ที่เพิ่งรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สภา ลิมพาณิชย์การ ผู้ได้รับฉายาว่า หมอ ๕ บาท ผู้มีอายุ ๗๐ กว่า จากการชมท่านออกรายการโทรทัศน์เมื่อวันก่อน ท่านยังขับรถยนต์ส่วนตัวด้วยตัวเองไปทำงาน และผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่าท่านน่าจะเป็นคนขับผู้มีน้ำใจสูงคนหนึ่งบนท้องถนนกรุงเทพฯ เมื่อทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่านมากขึ้นแล้ว ผู้เขียนจึงขอแสดงการคารวะและยกย่องท่านไว้ ณ ที่นี้ ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลผู้ควรยึดถือเป็นแบบอย่างหลายประการ แนวคิดและการกระทำของท่านคือสิ่งเตือนสติ และให้กำลังใจแก่คนทั้งหลายที่ดำเนินชีวิตในสังคม ผู้เขียนมองว่าท่านคือมนุษย์อมตะ แนวปฏิบัติของท่านที่โดนใจผู้เขียนอย่างยิ่ง ก็คือการข้องเกี่ยวกับเงินตราอย่างระมัดระวัง อย่าให้มันมาบงการจิตให้คิดในทางชั่ว คิดละโมบ รวมถึงการหลงมัวเมากับสิ่งประกอบสร้างทั้งหลายแหล่ในชีวิต และการไม่ประมาทต่อชีวิต ต่อความตาย ต้องเตรียมตัวให้พร้อมต่อความตาย และก่อนตายก็พึงทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ตามศักยภาพตน

๑๐๐ ปี รัตน์ เปสตันยี และ Signature

เมื่อวันที่ ๒๒ พ.ค. ที่ผ่านมา มีการจัดงานรำลึกถึง รัตน์ เปสตันยี ในวาระครบ ๑๐๐ ปี โดยมูลนิธิหนังไทย ร่วมกับหอภาพยนตร์แห่งชาติ และกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ ศาลายา กิจกรรมสำคัญส่วนหนึ่งในงานนี้ คือการจัดฉายภาพยนตร์สารคดีเพื่อการรำลึกถึง รัตน์ เปสตันยี เรื่อง Signature สร้างสรรค์โดย ชลิดา เอื้อบำรุงจิต เนื้อหาภาพยนตร์ประกอบด้วยคลิปผลงานของคุณรัตน์ และการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ผู้เกี่ยวข้องและเคยร่วมงานกับคุณรัตน์ รวมถึงนักวิจารณ์ภาพยนตร์และผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์ ผู้แสดงมุมมองต่อคุณค่าของผลงานของคุณรัตน์ ที่ควรสำรวจ ศึกษา และยกย่องในฐานะมรดกทางศิลปะภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้คาดว่าติดต่อขอชมได้ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ ศาลายา