Tuesday, October 02, 2007

สวนีย์ อุทุมมา ใน “ส้มตำ...ช้ำรัก”

เป็นการแสดงเดี่ยวก่อนละคอนเรื่อง “กันย์” ของ ผดุงพงศ์ ประสาททอง ซึ่งจัดแสดงที่โรงละคอน ณ มะขามป้อม บริเวณสี่แยกสะพานควาย เมื่อวันที่ ๒๑ – ๒๓ และ ๒๘ – ๓๐ ก.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่จำหน่ายบัตรเข้าชม (ติดตามข่าวสารของกลุ่มละครมะขามป้อมได้ที่ www.makhampom.net )

เสียดายที่รู้ข่าวการแสดงเดี่ยวชุดนี้ของเอี้ยงในสัปดาห์ใกล้แสดง ซึ่งเลยช่วงเวลาการบันทึกข้อมูลข่าวประจำเดือนในเว็บไซต์มาแล้ว จึงไม่ได้นำมาช่วยประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า และขอนำมากล่าวถึงไว้ในที่นี้ เพื่อร่วมแสดงความยินดีและร่วมเป็นกำลังใจหนึ่งในฐานะมิตรและผู้ชม สำหรับคำวิจารณ์นั้นไว้ค่อยถ่ายทอดต่อกันในโอกาสที่พบกันอีก

สวนีย์ อุทุมมา หรือ เอี้ยง เป็นมิตรผู้มีน้ำใจยิ่ง ที่ให้ความช่วยเหลือผู้เขียนเมื่อครั้งร่วมงานกันในละคอนสารนิพนธ์เมื่อปี ๒๕๓๓

ปัจจุบัน สวนีย์ อุทุมมา เป็นนักแสดง และอาสาสมัครของกลุ่มละครมะขามป้อม ผู้สร้างผลงานในโครงการ Makhampom Young Director 07 ร่วมกับ สนธยา สุชฎา และผดุงพงศ์ ประสาททอง และทำหน้าที่ Artistic Director ในเทศกาลละครกรุงเทพ 2007 และเป็น Acting Coach ให้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Where the Miracle Happens

ขอให้ความสามารถและพรสวรรค์ของเอี้ยง นำเอี้ยงให้ประสพความสุขและความสำเร็จตลอดไป

“ขมิบ” และ “โตชิบู้สู้พายุ”

บทละคอนเวที โดย นายท่าน จันทร์เรือง สำนักพิมพ์ฅนเล่าเรื่อง พิมพ์ครั้งแรก กันยายน ๒๕๕๐ ราคาเล่มละ ๑๐๐ บาท

จากการไปดูเอี้ยงแสดง จึงซื้อบทละคอนเล่มนี้มา ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นผู้อ่านที่ศึกษาด้านการละคอน กำลังค้นคว้าวิจัยเรื่องบทละคอน และเขียนบทละคอนไว้บ้างโดยยังไม่มีโอกาสจัดพิมพ์ และเนื่องจากงานเขียนประเภทนี้ไม่มีการพิมพ์ออกมามากนัก อีกทั้งตามข้อมูลจากบทนำของนายท่าน ที่กล่าวไว้ว่าคุณแม่ของเขาเป็นผู้ให้เงินทุนมาจัดพิมพ์บทละคอนเล่มนี้ ผู้เขียนจึงขอร่วมเผยแพร่ด้วยทางหนึ่ง เพื่อความเฟื่องฟูของงานเขียนประเภทบทละคอน และหวังว่างานนี้จะมีส่วนสร้างแรงบันดาลใจให้คนร่วมสมัยสนใจอ่านและเขียนบทละคอนมากขึ้น คาดว่าจะหาซื้อตามร้านหนังสือทั่วไปได้ในอีกไม่นาน โดยในที่นี้ ผู้เขียนยังไม่ขอกล่าวถึงบทละคอนเล่มนี้ในเชิงการวิจารณ์ ตามมุมมองของนักการละคอน

“หนองบัวแดง” หนังที่ควรดู

จากการชมหนังเรื่องนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้เขียนมีมุมมองว่านี่คือผลงานที่แสดงอัจฉริยภาพด้านการกำกับภาพยนตร์ของ ส. อาสนจินดา เป็นหนังเรื่องเด่นที่คิดว่าถูกมองข้ามอย่างน่าเสียดาย และเป็นหนังที่ควรดู ควรศึกษา วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ควรนำมาพูดถึงได้เรื่อยๆ ตอนแรกผู้เขียนคิดว่าหนังเรื่องนี้เคยผ่านตาตนเองตอนเด็กทางทีวี แต่เมื่อทบทวนแล้วก็นึกได้ว่าเคยไปดูเมื่อครั้งมาฉายกลางแปลงแถวบ้าน และพอดูแค่ช่วงเพลงไตเติ้ลขึ้นเท่านั้นก็กลับบ้านเลย ภาพบัวแดงกลางหนองน้ำเป็นสีออกแดงซีดเพราะฟิล์มเก่า ประกอบกับเพลงที่มีเนื้อร้องท่อนแรกว่า “หนองบัวแดงแฝงความไหวหวั่น...” ด้วยสำเนียงลูกกรุงปนลูกทุ่งเสียดสะท้านจิต พร้อมชื่อผู้แสดงนำขึ้นต้นเรื่องเป็น สมบัติ อรัญญา ซึ่งหมดยุคดังไปแล้วในช่วงนั้น ทำให้ผู้เขียนรู้สึกในตอนนั้นว่าต้องดูหนังเก่า เนื้อเรื่องดาดๆ สมบัติมาตามเกี้ยวอรัญญาพายเรือเก็บบัวแดง จนเกิดรักรันทดด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ต้องน่าเบื่ออย่างแน่นอน จึงพลาดโอกาสดูในครั้งนั้น และไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างสรรค์ แต่ถึงดูไปจนจบก็คงไม่มีความเข้าใจหนังได้มากเท่าในปัจจุบัน การดูเมื่อเดือนก่อนจึงเท่ากับเป็นการดูครั้งแรก และก่อนดูก็ยังมีความคิดแบบเดิมอย่างน่าประณามตัวเอง แต่เมื่อดูจบก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นคุณค่าของหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกำกับ บท กำกับภาพ ลำดับภาพ กำกับศิลป์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย เมคอัพ ดนตรีประกอบที่ดูเหมือนขาดการสร้างสรรค์แต่มีจุดหมายเฉพาะ และการแสดงของนักแสดงในบทสมทบ ได้แก่ ทัต เอกทัต, สมจิตร ทรัพย์สำรวย, สินีนาฏ โพธิเวส, เมตตา รุ่งรัตน์, เทพ เทียนชัย โดยเฉพาะสองท่านแรก เพียงปรากฏตัวบนจอโดยยังไม่ทันมีบทพูด รังสีเฮ้ากวงก็แผ่ไปทั่วทั้งโรง สำหรับผู้เขียนแล้วนี่คือหนังอมตะ เป็นหนังไทยที่ประทับใจผู้เขียนตลอดกาล มุมมองนี้ขอกล่าวไว้เพื่อการสดุดี ส.อาสนจินดา โดยเฉพาะ และเพื่อให้ตนเองรำลึกถึงความตื่นเต้นเมื่อค้นพบความน่าทึ่งของหนังไทยเรื่องนี้ ซึ่งนับเป็นมรดกสำคัญชิ้นหนึ่งทางศิลปะภาพยนตร์ไทยในความคิดของผู้เขียน

ขอขอบคุณผู้มอบทุนการศึกษาแก่ผู้เขียน

ผู้เขียนขอขอบคุณหลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิชาวรรณคดีและวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กรุณามอบทุนอุดหนุนการศึกษาแก่ผู้เขียน ในฐานะผู้ช่วยสอนในช่วงปีการศึกษานี้ โดยการอนุมัติเงินทุนจากบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และขอขอบคุณคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กรุณามอบทุนอุดหนุนการศึกษาสำหรับนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาผู้มีรายได้น้อย ประจำภาคเรียนที่ ๒/๒๕๕๐ ให้แก่ผู้เขียน

แม้ทุนอุดหนุนการศึกษาดังกล่าวมิใช่ทุนให้เปล่า โดยกำหนดให้ผู้ได้รับทุนทำงานให้แก่ภาควิชาและคณะในช่วงเวลาตามที่มอบหมาย ด้วยข้อกำหนดที่เหมาะสมสำหรับผู้เป็นนิสิต ผู้เขียนก็เห็นว่าการได้รับทุนดังกล่าวเป็นการได้รับความกรุณาอย่างยิ่ง และได้รับโอกาสในการสร้างประสบการณ์การทำงานของตนเองในหน่วยงานของคณะฯ โดยผู้เขียนได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่ตนเองสนใจพอดี นั่นคือห้องสมุดของคณะฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผู้เขียนเคยได้รับการบริการอันน่าประทับใจ ในช่วงก่อนเข้ามาเป็นนิสิต

การได้รับทุนการศึกษาทำให้แม่ซึ่งเป็นผู้ปกครองของผู้เขียนเกิดความสุข ความสบายใจ ด้วยการแบ่งเบาภาระเรื่องค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย ที่ท่านต้องเตรียมไว้ให้ผู้เขียนด้วยเป็นส่วนหลัก และผู้เขียนขอสดุดีแม่ไว้ ณ ที่นี้ ที่ท่านสนับสนุนให้ผู้เขียนทำงานด้านการให้ความรู้ ซึ่งไม่อาจคาดหวังเงินรายได้จำนวนมาก และยังมีความไม่แน่นอนด้านรายได้ในขณะที่ผู้เขียนมุ่งศึกษาต่อ ถึงเรามักมีความเห็นขัดแย้งกันมากมาย และผู้เขียนอยู่ในฐานะลูกรักที่มักทำให้ท่านชัง แต่สำหรับเรื่องการศึกษาและการทำงานให้ความรู้แล้ว ท่านพยายามสนับสนุนผู้เขียนอย่างเต็มกำลัง และให้การเลี้ยงดูผู้เขียนแบบไม่ให้เกิดความอัตคัด ทั้งที่ท่านมิได้มั่งมี ซึ่งผู้เขียนคิดว่านี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนได้รับทุนดังกล่าว สิ่งที่แม่กระทำ จึงนับว่ามีส่วนส่งผลต่อการจรรโลงสังคม สิ่งใดอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้เขียน ย่อมมีที่มาจากแม่ของผู้เขียนเป็นสำคัญ ไม่มีแม่ ผู้เขียนก็อาจไม่มีสิ่งที่เป็นและทำอยู่ในทุกวันนี้ และขอบพระคุณแม่อย่างไม่อาจบรรยายได้ ที่เฝ้าดูผู้เขียนใช้ชีวิตแบบที่ผู้เขียนต้องการ โดยไม่บีบคั้นผู้เขียนให้ดำเนินตามแบบที่ท่านต้องการ และขอบคุณน้องทั้งสองคนด้วยที่ร่วมให้การสนับสนุน

นอกจากนี้ ผู้เขียนขอขอบพระคุณอย่างยิ่งต่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ตรีศิลป์ บุญขจร, อาจารย์ ดร. ชุติมา ประกาศวุฒิสาร, พี่โอ๋ – อาจารย์ศิรินทร์ ใจเที่ยง ผู้กรุณาให้คำรับรองสำหรับการขอทุนครั้งนี้ รวมถึงคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดผู้พิจารณาอนุมัติทุนดังกล่าว และรองศาสตราจารย์ มาลี พฤกษ์พงศาวลี ผู้กรุณาให้คำรับรองสำหรับการขอทุนในช่วงก่อนหน้านี้ ในฐานะหัวหน้าสาขาวิชาที่ผู้เขียนเรียนสำเร็จในชั้นปริญญาโท รวมทั้งพี่แน็ตกับพี่นุ้ยผู้ต่างให้ทุนทำงานแก่ผู้เขียนเพื่อการหารายได้พิเศษโดยตลอดมา นอกเหนือจากงานในวงวิชาการที่ผู้เขียนมีคุณสมบัติปฏิบัติงานได้ ขอคุณพระรัตนตรัยโปรดดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัวประสพแต่ความสุข ความสำเร็จ ปราศจากโรคภัยและอันตรายทั้งปวง

ฟื้นฟู-ทบทวนภาษาเยอรมันเบื้องต้น (ครั้งที่ ๒)

ทบทวนการผันคำกริยา
haben ความหมายคือ to have, possess {transitive (reflexive)}

INDICATIVE
Present
ich habe
du hast
er/sie/es hat
wir haben
ihr habt
Sie/sie haben

PARTICIPLES
habend
gehabt

ตัวอย่างประโยค
- Er hat ein grosses Haus auf dem Lande.