Thursday, August 02, 2007

“ยิ้ม” หนังเพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ เตรียมให้ท่านได้ชมแล้ว

เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ผู้เขียนและคณะทำงานสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นขนาดยาวเรื่อง “ยิ้ม” น้อมใจขออารธนาคุณพระรัตนตรัยโปรดอำนวยพระพรอันประเสริฐแด่พระองค์ท่าน และขอแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณผ่านผลงานนี้

แรงบันดาลใจอันสำคัญยิ่ง ที่นำให้ผู้เขียนสร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อได้รับโอกาสทางการเงินและการสนับสนุนทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็คือการได้รับพระราชทานรางวัลเรียนดี ทุนภูมิพล จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ ในสาขาวิชาการละคอน ตามเกณฑ์การคัดเลือกของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทุนนี้เป็นเข็มรางวัล ซึ่งสำหรับผู้เขียนแล้วเป็นสิ่งที่มิอาจประเมินค่าได้ และเป็นกำลังใจสำคัญในการดำเนินชีวิตเรื่อยมา โดยเฉพาะการมุ่งพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองตามที่โอกาสอำนวย และตามความสนใจอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เลือกเรียนวิชาการละคอน เพื่อการมีชีวิตอยู่อย่างสุขใจ และเพื่อหาโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปตามกำลังและความสามารถของตนเอง

การดำเนินกิจกรรมรางวัลเกียรติคุณทางการแสดง ก็นับเป็นสิ่งที่ผู้เขียนริเริ่มและกระทำ โดยมีที่มาจากแรงบันดาลใจสำคัญดังกล่าวด้วย จึงขอกล่าวถึงเพิ่มเติมร่วมไว้ในโอกาสนี้ ผู้เขียนรู้สึกดีใจที่ได้ยึดถือแนวทางแห่งความพอเพียงสำหรับการสร้างสรรค์กิจกรรมทางสังคมนี้โดยตลอดมา ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการตระหนักถึงทุนการศึกษาที่ผู้เขียนได้รับเมื่อเรียนอยู่ชั้น ป. ๕ ในราว พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วย นั่นคือทุนเรียนดีแต่ยากจน เป็นเงินจำนวน ๒,๐๐๐ บาท จากกรุงเทพมหานคร ที่จัดสรรให้โรงเรียนในสังกัด โดยการเลือกจากนักเรียนที่ต้องมีฐานะยากจนและมีตัวเลขผลการเรียนดี จากในแต่ละเขตการศึกษา ซึ่งผู้เขียนถือว่าตัวเองเพียงแค่โชคดีที่ทำตัวเลขผลการเรียนได้มากกว่านักเรียนในเขตเดียวกัน อาจมีนักเรียนอีกหลายคนที่ฐานะลำบากมากควรได้เงินทุนด้วย ผู้เขียนหวังให้กิจกรรมรางวัลเกียรติคุณทางการแสดง บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ตามข่ายความสามารถและศักยภาพของตนเอง เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทางหนึ่ง ในฐานะพสกนิกรผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาดังกล่าว โดยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจรรโลงงานศิลปการแสดง ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนให้การสนับสนุนและเผยแพร่กิจกรรมนี้

เชิญท่านผู้สนใจติดต่อขอชม “ยิ้ม” ได้นับแต่เดือนตุลาคม ศกนี้ เป็นต้นไป ที่แผนกบริการด้านโสตทัศนศึกษา หอสมุดกลาง อาคารวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์, หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มธ. ศูนย์รังสิต (บุคคลภายนอกเสียค่าบำรุงท่านละ ๒๐ บาท), ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ตลิ่งชัน (โปรดสอบถามรายละเอียดการขอใช้บริการที่โทร. ๐-๒๘๘๐-๙๔๒๙) และหอภาพยนตร์แห่งชาติ ศาลายา (ไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐-๒๔๘๒-๒๐๑๓ – ๕ )

“ยิ้ม”ภาพยนตร์สั้นขนาดยาว แนว documentary-drama
เพื่อการแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
film format: DVD
ความยาว: ๔๕ นาที
เรื่องย่อ: มาย บัณฑิตจบใหม่ผู้ถูกคนรักบอกเลิก ทำสกู๊ปนิตยสาร เกี่ยวกับชีวิตของ พลอย นักเรียนชั้น ม.๖ โรงเรียนสัตยาไส จ.ลพบุรี อันถือปรัชญา "ความดีมีค่าเหนือความเก่ง"
สถานที่ถ่ายทำหลัก: ได้รับความกรุณาจากอุทยานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เขตคลองสาน กรุงเทพฯ (คุณอุไรวรรณ สมสมัย ผู้จัดการอุทยานฯ) และโรงเรียนสัตยาไส จ.ลพบุรี (ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารสูงสุดแห่งโรงเรียน)
ช่วงเวลาการสร้าง: ถ่ายทำ ๘ และ ๒๑ ก.ค. ๒๕๔๙ post-production ๒๗, ๓๑ ก.ค. และ ๑, ๒ ส.ค. ๒๕๔๙
ผู้ให้การสนับสนุน: คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหอภาพยนตร์แห่งชาติ
ทีมงาน:
กำกับภาพยนตร์ - มานัสศักดิ์ ดอกไม้ และ ปกครอง บุญ-หลง
บทภาพยนตร์ - จตุพร บุญ-หลง
กำกับภาพ - มานุสส วรสิงห์
ภาพ - มานุสส วรสิงห์, มานัสศักดิ์ ดอกไม้, ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์, ชนาภา โอฬารเลิศปัญญา
ลำดับภาพ - แหลมฟ้าผ่า, พร พิมาย, สุทัศน์ ภาวิไลรัตน์
นักแสดง - ชนาภา โอฬารเลิศปัญญา(มาย), ธรรม์พลอย อิริกิตติพงษ์ (พลอย), นักเรียน คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่โรงเรียนสัตยาไส
อำนวยการสร้างภาพยนตร์ - จตุพร บุญ-หลง, มานัสศักดิ์ ดอกไม้
อำนวยการผลิต - บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด
creative and content - Yodniyom Niyomsuk
ประสานงานสร้าง - ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ผู้ช่วยผู้กำกับ - ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์, ชนาภา โอฬารเลิศปัญญา
ผู้ช่วยกองถ่าย (กรุงเทพฯ) - ศิณัฐ กมุกะมกุล, อรนิดา รุ้งทองทาบนภา
ยานพาหนะ-เดินทาง - ศรรกรา ระดมสุทธิศาล

ในการสร้างสรรค์ผลงานนี้ ผู้เขียนขอขอบคุณทีมงานทุกคน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน รวมถึง
- แม่ของผู้เขียน ผู้มีส่วนให้ยืมทุนสร้างก่อนล่วงหน้า แม้งบสร้างเป็นแบบประหยัด ก็ช่วยให้การเปิดกล้องและการดำเนินงานสร้างเป็นไปตามช่วงเวลาที่ผู้เขียนต้องการ
- บริษัทผู้อำนวยการผลิต ที่ให้โอกาสในการสร้างสรรค์งานพาณิชย์ศิลป์นี้ ตามแนวทางและเนื้อหาที่ผู้เขียนและทีมงานต้องการเป็นสำคัญ โดยมิได้แก้ไขเปลี่ยนแปลง อันแสดงการให้ความสำคัญต่องานศิลปะโดยมีการพาณิชย์เป็นส่วนส่งเสริม สนับสนุน
- อาจารย์ศศโสฬส จิตรวานิชกุล ผู้ร่วมมอบทุนการศึกษาให้กลุ่มนักเรียน ผู้ร่วมคัดเลือกเป็นผู้แสดงนำในเรื่อง
- พี่แขก - คุณศรรกรา ระดมสุทธิศาล ผู้เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง และเสี่ยงภัยขับรถฝ่าสายฝนที่ตกหนักมากอย่างน่าหวาดหวั่น บนเส้นทางโค้ง ลาดชัน นำทีมงานไปถึงสถานที่ถ่ายทำโดยสวัสดิภาพ
- ผู้ชมทุกท่าน รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุน และสื่อต่างๆ ผู้กรุณาเผยแพร่ผลงานนี้

ผู้เขียนขอขอบพระคุณ

ในโอกาสที่วันแม่ตามปฏิทินเวียนมาในปีนี้ ผู้เขียนคิดว่าตนเองสรรเสริญแม่ตัวเองน้อยเกินไปในสื่อนี้ที่ตนเองถ่ายทอดความคิดไว้สารพัด ทั้งที่แม่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต จึงต้องสดุดีแม่ วันแม่ของผู้เขียนคือทุกๆ วัน วันแม่ที่กำหนดไว้ตามปฏิทินจึงเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผู้เขียน

แม่มีความหมายและความสำคัญมากต่อชีวิต เพราะแม่คือคนที่ผู้เขียนเกลียดที่สุด และรักที่สุด โดยผู้เขียนเคยบอกให้แม่รับรู้แล้ว ดังนั้น ผู้เขียนจึงรู้ได้เป็นอย่างดีว่าตนเองรักแม่ที่สุด และเป็นลูกที่ดีและเลวของแม่ด้วยเหตุผลนี้

ผู้เขียนขอย้ำสิ่งที่เคยกล่าวไปแล้ว นั่นคือขอให้กำลังใจคนที่ไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ หรือไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย หรือพ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดู ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ผู้เขียนมองว่าคนทุกคนมีพ่อมีแม่อย่างแน่แท้ที่สุด และพ่อแม่ของเราก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนพ่อแม่ของใครต่อใคร หรือไม่จำเป็นต้องมีชีวิต หรือใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรา น่าทึ่งออกที่ใครสักคนเติบโตขึ้นมาได้อย่างไม่มีพ่อมีแม่อยู่ด้วย ในครรลองชีวิตที่เป็นคุณต่อตนเองและคนอื่นๆ และในเมื่อคนเราไม่อาจห้ามความเกลียดได้ ผู้เขียนจึงคิดว่าเราควรรักพ่อแม่อย่างที่ท่านเป็น เพื่อให้เกลียดท่านน้อยที่สุดจนถีงขั้นไม่ได้เกลียดเลย และเพื่อให้ตัวเราเกลียดตัวเองน้อยที่สุดด้วย รวมทั้งเกิดความเข้าใจได้ว่าแม่ไม่จำเป็นต้องแบกรับบทบาทของผู้ให้การปกป้องดูแลอย่างสมบูรณ์แบบ ตามที่คนส่วนใหญ่ในสังคมกำหนดไว้ให้เป็นภาระอันหนักอึ้ง

ผู้เขียนโชคดีที่ได้อยู่กับแม่ มีแม่เลี้ยงดู และทำสิ่งขัดใจแม่ได้มากมายโดยไม่ให้แม่เดือดร้อน เรารู้ดีว่าต่างทำร้ายกันและด้วยคำพูดอยู่เสมอมา ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขณะเดียวกันผู้เขียนก็แสดงให้แม่รู้เสมอว่ารักท่าน สิ่งที่เป็นความสำเร็จทั้งปวงของผู้เขียนล้วนมีที่มาจากแม่เป็นสำคัญ ส่วนพ่อนั้นมีชีวิตอยู่กับผู้เขียนไม่นานนัก และมีเกียรติประวัติทางการเรียนและการงานอันน่าปรารถนา ตามค่านิยมของกลุ่มคนและสังคมที่มุ่งให้ความสำคัญต่อเรื่องการศึกษา ซึ่งส่งผลมาถึงผู้เขียนในแง่การคำนึงถึงเรื่องความต้องการในการเรียนรู้ของตัวเอง ผู้เขียนหวังให้ส่วนนี้เป็นการสดุดีพ่อ

ผู้เขียนรู้สึกว่าตนเองได้รับโอกาสอันดีและท้าทายที่สุดในชีวิต ในการเป็นลูกแม่กับพ่อ โดยเฉพาะแม่

ในโอกาสเดียวกันนี้ นอกเหนือจากแม่แล้ว ผู้เขียนขอขอบพระคุณบุคคลต่อไปนี้เป็นพิเศษ ในฐานะผู้มีส่วนให้โอกาสและการสนับสนุนทางการศึกษาและการทำงานแก่ผู้เขียน
- คุณสายสุณีย์ เพิ่มทรัพย์
- พี่แน็ต - คุณศศิกาญจน์ เอี่ยมพรชัย
- พี่นุ้ย - อาจารย์กฤตยา อกนิษฐ์
- อาจารย์สุธิดา กัลยาณรุจ
- อาจารย์สมพร ฟูราจ
- อาจารย์ศิรินทร์ ใจเที่ยง
- อาจารย์พนิดา ฐปนางกูร
- สาขาวิชาการละคอน คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- อาจารย์ ดร. ชุติมา ประกาศวุฒิสาร
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ตรีศิลป์ บุญขจร
- หลักสูตรปริญญาเอกสาขาวรรณคดีและวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย